31 กรกฎาคม 2553

Balance in Your Life


Balance in Your Life

ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน

แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ

ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี

วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ

ของฉันมีกัน

จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง

พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง

โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน

'ใครขโมยเงินไป' พ่อตวาด

ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน

พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า

'ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ'

พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น

ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้.....แล้วพูดว่า

'ผมขโมยเองครับ'

ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง

พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด

จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย

พ่อนั่งลงบนเก้าอี้

และด่าว่าน้องชายของฉัน

' ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก

แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย'

คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้

หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด

แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย

กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก

น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า

' พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว'

ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้

ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ


หลายปีผ่านไป

แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง

ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8ปี ส่วนฉันอายุ 11ปี....

เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น

เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียนม.ปลาย

ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย

ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน

คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน

ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า

' ลูกเราทั้งคู่เรียนดีเรียนดีมากนะ'

แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า

'แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน'

ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า

' ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว'

พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่

'ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้

ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน

พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้'

คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ

ทั่วทั้งหมู่บ้าน....เพื่อขอยืมเงิน

ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ

ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า

' ต้องให้น้องได้เรียนต่อไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบาก

เช่นนี้ไปได้'

แต่ในขณะเดียวกัน

ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้

ใครจะรู้ได้ .......


วันต่อมาในตอนเช้ามืด

น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น

และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว

ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน

ขณะฉันกำลังหลับ

' พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ....

ผมจะไปหางานทำ...แล้วจะส่งเงินมาให้พี่'

ฉันนั่งอยู่บนเตียง

อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า .......

ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป


ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17ปี ส่วนฉันอายุ 20ปี .....

ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน

รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็น

กรรมกรแบกหามที่ไซท์ก่อสร้างท่าเรือ .......

ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3

วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก

เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า

'มีชาวบ้านมาหาเธอ...อยู่ข้างนอกแน่ะ'

ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???

ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่

ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง....

ฉันถามเขาว่า

'ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ'

น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า

'ก็ดูผมสิสกปรกมอมแมมออกอย่างนี้...ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ

ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี'

ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง

และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ

' พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง

เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม'

จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ เขาติดกิ๊บให้ฉัน

แล้วพูดว่า

'ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง'

ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด

ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี .

วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก

ฉันสังเกตเห็นว่า

หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก

หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า

'แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก

เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ'

แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า

' แม่ไม่ได้จ้างหรอก...น้องชายลูกต่างหาก

วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน

ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ

น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ'

ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา

ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ

ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด 'เจ็บมากไหม'

ฉันถาม

'ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ

มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด

แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ

และ...'

น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด

เพราะฉันหันหน้าหนีเขา

น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง

'เพราะพี่เป็นพี่สาวของผมนี่ครับ'
ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี...

หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง

หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมือง

ด้วยกัน...

แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ

ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง

แต่เมื่อออกไปแล้ว

ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี

จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม

น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป ...

เขาบอกกับฉันว่า

'พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะผมจะดูแลพ่อและแม่

ทางนี้เอง'

สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของ ครอบครัว

เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท

แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้

เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา

วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล

และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด

เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล

ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล

น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา

... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า

' ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!

ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆอย่างนี้

ดูตัวเองซิ...เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง'

คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด

ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา

'พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน

ส่วนผมมันการศึกษาต่ำถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ

คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด'

น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย .....

ฉันบอกกับน้องว่า

'แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่...'

'ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ'

น้องชายของฉันจับมือฉันไว้

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี....


เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี

เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงในที่ทำงานที่เดียวกัน

ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า

' ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้'

น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล

'พี่สาวของผมครับ' .....

และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้

'ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง

เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม.

เพื่อเดินไปเรียน...และเดินกลับบ้าน

วันหนึ่งในวันที่หิมะตกหนักผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง

พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง

และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล

เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว

เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ .......นับจากวันนั้น

ผมสาบานกับตัวเอง

ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี

และจะทำดีกับเธอ'

เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว

สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน

คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ........

'ในโลกใบนี้คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ'

ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้

น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...



“จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ วันในชีวิตของคุณและเขา

คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ

แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง

.. ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ

พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน

หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม “





จบบริบูรณ์....


ปล. ปัจจุบันผู้เป็นพี่สาวอายุ 86 ปีตำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารใหญ่
บริษัท ฮุนได และในเครือกว่า 20 บริษัท

น้องชายอายุ 83 ปีเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า
'ซัมซุง'

และเรื่องราวของท่านทั้ง 2 คนกำลังถูกนำมาสร้างเป็นซี่รี่ย์
โดยดาราเล็กๆ 2 คนคือ ซอง เฮ เคียว และ ลี ดอง ฮุคครับ
บู มิง ฮอง
เล่าเรื่อง

from forward mail


30 กรกฎาคม 2553

สูตรหมากฮอส ไม่ว่าจะเป็น การเปิดรูปหมาก การกิน การไล่-หนี หมากกล

หมากฮอส เป็นกีฬาหมากกระดานประเภทหนึ่ง ประกอบด้วยผู้เล่น 2 ฝ่าย 

    อุปกรณ์การเล่น ได้แก่ กระดานและตัวหมาก    

    กระดาน
 เป็นวัสดุพื้นเรียบ รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส แบ่งแต่ละด้านออกเป็นเ 8 ช่องเท่ากัน จะได้ตารางย่อย 64 รูป เรียกสี่เหลี่ยมย่อยแต่ละรูปว่า ตา หรือ ช่อง กำหนดเป็นตาสีเข้ม 32 ตาและตาสีอ่อน 32 สลับกันโดยให้ตามุมซ้ายด้านบนของผู้เล่นเป็นตาสีอ่อน ตาที่ใช้เดินจะใช้เฉพาะตาสีเข้มรวม 32 ตา ในที่นี้จะกำหนดตำแหน่งของแต่ละตาด้วยเลขจำนวนนับ เพื่อให้ทราบว่ากล่าวถึงตาใดในกระดาน โดยเริ่มจากตาสีเข้มบนซ้ายสุดเป็น เลข 1ตาสีเข้มถัดมาในแนวนอนเป็นตา 2 และในแนวนอนถัดไปเป็นตา 3 และ 4 ตามลำดับ จากนั้นในแถวต่อมาเริ่มตาสีเข้มซ้ายมือสุดเป็นตา 5 เรียงลำดับไปเรื่อย ๆ จนถึงแถวที่ 8 ตาสีเข้มขวามือล่างสุด จะเป็นตา 32 
 

รูปที่ 1 ตัวอย่างกระดาน

    ตัวหมาก เมื่อเริ่มต้น ทั้ง 2 ฝ่ายจะมีหมากฝ่ายละ 8 ตัว ในที่นี้กำหนดให้เป็นฝ่ายขาวและแดง และตั้งกระดานโดยให้ตัวหมากของผู้เล่นอยู่บนสองแถวแรกที่ใกล้ตัวผู้เล่นฝ่ายนั้น


รูปที่ 2 ตัวอย่างกระดานพร้อมตัวหมาก


    การดำเนินเกม

    1. ผู้เล่นหมากสีดำ อยู่ด้านเลขน้อย เป็นฝ่ายเดินหมากก่อน

    2. ทั้ง 2 ฝ่ายสลับกันเดินจนกว่าการเล่นจะสิ้นสุด

    3. การเดินหมาก

    3.1 ตัวหมากของแต่ละฝ่ายเมื่อเริ่มเล่นเรียกว่า เบี้ย

    3.2 เบี้ยจะเดินได้ครั้งละ 1 ตา ในลักษณะเฉียงไปด้านหน้า เว้นแต่จะมีหมากตัวอื่นขวางทาง หรือเมื่อไปชนริมกระดาน

    3.3 หากเบี้ยเดินไปจนถึงแถวที่ 8 นับจากตัวผู้เล่น ตัวเบี้ยจะเปลี่ยนเป็นฮอส (เรียกว่า เข้าฮอส) แสดงให้เห็นว่าแตกต่างจากเบี้ย โดยใช้เบี้ยสีเดียวกันวางซ้อนเบี้ยตัวที่เข้าฮอสอีก 1 ตัว

    3.4 ฮอสจะเดินกี่ตาก็ได้ในแนวเฉียง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

    3.5 หากในการเดินของเบี้ยหรือฮอส มีหมากของฝ่ายตรงข้ามวางอยู่บนตาเดิน และมีตาว่างอยู่ตาถัดไปในแนวเดียวกัน เบี้ยหรือฮอสของฝ่ายที่เดิน สามารถเดินข้ามหมากฝ่ายตรงข้ามและยกหมากตัวนั้นออกจากกระดานไป และเรียกการเดินในลักษณะนี้ว่าการกิน

    3.6 การกินสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ หากเมื่อกินหมากของคู่ต่อสู้แล้ว มีหมากตัวอื่นของอีกฝ่ายหนึ่งวางอยู่บนตากิน เบี้ยหรือฮอสนั้น สามารถกินต่อได้อีก เรียกว่าเป็นการกินหลายต่อโดยหมากตัวเดียว ในการเดินครั้งเดียว

    3.7 แม้ผู้เล่นจะมีอิสระในการเลือกเดินตัวหมากตัวใดก็ได้ แต่หากมีตัวหมากที่กินหมากของอีกฝ่ายหนึ่งได้ ผู้เล่นจะต้องเดินหมากเพื่อกินในการเดินครั้งนั้น (เว้นแต่จะมีตัวหมากที่กินคู่ต่อสู้ได้มากกว่า 1 ตัว ก็สามารถเลือกที่จะกินวิธีใดวิธีหนึ่ง) เรียกว่า ไม่มีการหักขา

    การตัดสิน
 ผลของการเล่นแต่ละกระดาน จะสิ้นสุดลงโดยมีการแพ้-ชนะ หรือเสมอ ดังนี้

    4.1 ฝ่ายที่สามารถกินหมากคู่ต่อสู้จนหมดจากกระดานเป็นฝ่ายชนะ

    4.2 ฝ่ายที่ไม่สามารถเดินหมากตัวใดได้เลย แม้จะมีตัวหมากเหลืออยู่ เป็นฝ่ายแพ้

    4.3 ผลการสิ้นสุดโดยการยินยอมทั้ง 2 ฝ่าย เช่น ตกลงยอมเสมอ หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมแพ้




    
การเปิดรูปหมาก เป็นหลักสำคัญพื้นฐานในการเดินหมากฮอส เพราะการเปิดหมากรูปที่ดีถูกต้อง จะมีโอกาสแพ้น้อย ทั้งนี้จากตัวอย่างที่นำมาเสนอให้สังเกตถึงจังหวะในการขึ้นหมากให้ดี หากฝึกฝนถึงระดับเซียน การเปลี่ยนจังหวะการเดินหล่านี้จะนำไปสู่การแปรรูปที่หลายหลาก ทำให้มีแต้มหมากมีการพลิกแพลง และจะมีโอกาสชนะมากขึ้นตามไปด้วย
  

ครั้งที่
1.
2.
3.
4.
5.
6.
ดำ
25-22
22-18
29-25
25-22
26-23
28-24
ขาว
8-11
4-8
7-10
5-9
10-15
6-10
มาตรฐาน พบ สามตัวเรียง


ครั้งที่
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
ดำ
25-22
22-18
29-25
25-22
26-23
23-19
28-19
27-23
ขาว
8-11
4-8
7-10
10-15
6-10
15-24
2-6
6-9
มาตรฐาน พบ มุมคู่


ครั้งที่
1.
2.
3.
4.
5.
6.
ดำ
25-22
22-18
29-25
25-22
26-23
28-24
ขาว
8-11
4-8
6-10
5-9
8-12
9-13
มาตรฐาน พบ ห้าแต้ม


ครั้งที่
1.
2.
3.
4.
5.
6.
ดำ
25-22
22-18
29-25
25-22
27-23
28-24
ขาว
8-11
4-8
5-9
7-10
10-15
6-10
อีปุ้ม พบ สามตัวเรียง


ครั้งที่
1.
2.
3.
4.
5.
6.
ดำ
25-22
22-18
29-25
27-23
28-24
26-22
ขาว
8-11
4-8
7-10
5-9
10-15
6-10
สามตัวเรียง พบ สามตัวเรียง


ครั้งที่
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
ดำ
25-22
22-18
18-11
29-25
25-22
26-23
28-24
ขาว
7-10
10-15
8-15
4-8
8-11
6-10
5-9
ตัดหน้า


ครั้งที่
1.
2.
3.
4.
5.
6.
ดำ
25-22
22-18
29-25
25-22
18-9
26-23
ขาว
8-11
4-8
6-10
10-14
5-14
7-10
ตัดข้าง



ครั้งที่
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
ดำ
25-22
22-18
29-25
25-22
26-23
28-24
24-19


 การกิน ถือเป็นเทคนิคพื้นฐานที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งในการเล่นหมากฮอส การเข้าใจการกินจะช่วยทำให้การบังคับหมากคู่ต่อสู้ กระทำได้ง่ายดายมากขึ้น สำหรับผู้เล่นหน้าใหม่แล้ว ควรศึกษาและเข้าใจรูปแบบการกินต่าง ๆ ที่นำเสนอซึ่งคัดมาจากรูปหมากที่เกิดขึ้นจริงได้หมดสิ้น เมื่อพบกับหมากในลักษณะคล้ายกันนี้ ก็สามารถนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ได้ทันที
  

ดำ
19-15
27-23
กิน 3 ต่อ
ขาว
กิน
กิน
รูปที่ 1


ดำ
18-14
กิน 3 ต่อ
ขาว
กิน
รูปที่ 2


ดำ
19-15
18-14
กิน ต่อ
ขาว
กิน
กิน
รูปที่ 3


ดำ
15-11
กิน 3 ต่อ
ขาว
กิน
รูปที่ 4


ดำ
18-15
19-16
กิน 3 ต่อ
ขาว
กิน
กิน
รูปที่ 5


ดำ
20-16
19-15
กิน
กิน 2 ต่อ
ขาว
กิน
กิน
กิน
รูปที่ 6



การไล่-หนี เป็นเทคนิคระดับสูงของหมากฮอส ผู้เล่นจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องของจังหวะและตำแหน่งในการวางหมากเป็นอย่างดี การเดินผิดพลาดเพียงครั้งเดียวจะทำให้ผลลัพธ์เปลี่ยนแปลงไปได้  ขอให้ผู้อ่านพยายามหาคำตอบของรูปไล่รูปหนี่แต่ละรูปให้ดีก่อนที่จะดูเฉลย หากใช้ความคิดในแต่ละรูปเป็นอย่างดีจะทำให้การบังคับหมากปลายกระดานมีความเฉียบคมมากขึ้น


เฉลย
30-26,
3-8,
26-23,
8-12,
23-19 ชนะ
รูปที่ 1
ดำเดินก่อน เอาชนะ



เฉลย
8-3,
22-26,
30-25,
23-27,
3-17,
27-31,
17-13 เสมอกัน
รูปที่ 2
ดำเดินก่อน หาเสมอ


เฉลย
6-1,
22-26,
1-28,
26-31,
28-32,
31-27,
30-25,
27-31,
32-18,
31-22 เสมอกัน
รูปที่ 3
ดำเดินก่อน หาเสมอ


เฉลย
25-29,
8-3,
13-2,
16-12,
29-15 ชนะ
รูปที่ 4
ขาวเดินก่อน เอาชนะ

เฉลย
32-9,
28-32,
9-5,
32-28,
5-1 เสมอกัน
รูปที่ 5
ดำเดินก่อน หาเสมอ
เฉลย
22-31,
24-28,
31-24,
1-5,
24-1 ชนะ
รูปที่ 6
ดำเดินก่อน เอาชนะ

กลหมากฮอส บรรดาหมากกระดานที่นิยมเล่นกันทั่วไป ได้แก่ หมากฮอสและหมากรุกต่าง ๆ นอกจากการเล่นปกติโดยผู้เล่น 2 ฝ่ายแล้ว ยังได้มีการคิดการเล่นขึ้นมาอีกวิธีหนึ่ง คือ หมากกล เพื่อใช้ลับสมองและให้ความสนุกสนาน แต่กลหมากฮอสดูจะอาภัพและอยู่ในฐานะที่ต่ำต้อยกว่ากลหมากกระดานประเภทอื่น เพราะเชื่อกันว่าการแก้กลทำได้ไม่ยาก จึงไม่สนุกเร้าใจและชวนให้คิดแก้ ดังนั้นผู้เล่นส่วนใหญ่จึงมองข้ามความสำคัญของกลหมากฮอสไป

    ความเป็นจริงแล้ว กลหมากฮอสมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าหมากกระดานประเภทใดเลย ในกลหมากรุก ส่วนใหญ่จะเป็นการหาทางเอาชนะให้เร็วที่สุดของฝ่ายที่กำลังหมากเหนือกว่า โดยอาจมีเงื่อนไขกำหนดเพิ่มเติมบ้าง ตรงข้ามกับกลหมากฮอสที่ส่วนใหญ่จะเป็นการหาทางหรือวิธีทำให้ฝ่ายที่ ดูคล้ายเป็นรอง (อาจโดยกำลังหรือรูปหมาก) พลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายชนะ การที่ฝ่ายที่น่าจะแพ้ กลับมาชนะได้ น่าจะให้ความรู้สึกเร้าใจน่าสนใจและท้าทาย มากกว่าการรุกไล่และเอาชนะของฝ่ายที่เป็นต่อ

    เทียบความยากง่ายของหมากการะดานต่าง ๆ แล้ว แน่นอนว่ากลหมากฮอสย่อมมีความยากน้อยกว่ากลหมากกระดานประเภทอื่น เนื่องจากมีตัวหมาก ตาเดินและกติกาที่น้อยกว่า แต่ความยากที่น้อยกว่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ในกลที่ไม่ซับซ้อนมาก ผู้เล่นทั่วไปก็อาจแก้ได้โดยใช้เวลาไม่นาน แต่สำหรับกลที่ซ่อนปมไว้หลายชั้น บางครั้งแม้แต่ผู้ที่ได้ชื่อว่าเล่นเก่ง ก็ยังต้องใช้เวลานานกว่าจะพบวิธีแก้ หรือกระทั่งอาจหาทางเฉลยไม่พบเลยก็มี

    กลหมากฮอส เป็นการตั้งตัวหมากในกระดาน เพื่อให้ผู้เล่นหาทางเดินที่ดีที่สุด ซึ่งจะทำให้ผลการเดิน เป็นไปตามที่กำหนดให้ รูปแบบและวิธีการตั้ง ไม่จำกัดทั้งจำนวนหมากและลักษณะว่าเป็นเบี้ยหรือฮอส ดังนั้น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งสองฝ่ายจึงอาจมีฮอสกี่ตัวก็ได้ ทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่เปิดทางให้เข้าฮอส กติกาการเดินและการตัดสิน ใช้เช่นเดียวกับการเดินหมากฮอสปกติ


หลักการแก้กลหมากฮอส

    
1. หาทางแก้กลแต่ละกลโดยไม่แตะต้องหรือเคลื่อนย้ายตัวหมาก วิธีนี้จะทำให้ได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งจากการแก้กล และการเล่นปกติ เพราะเป็นการฝึกการวางแผนและคาดการณ์ในอนาคต การดูเฉลยแม้จะทำให้ได้รับความรู้เพิ่มขึ้นใหม่ทันทีก็ตาม แต่จะเป็นการบังคับยัดเยียด หรือลักษณะการท่องจำ ไม่ใช่การฝึกสมองให้เฉียบคมยิ่งขึ้น เว้นแต่บางกล ที่เมื่อพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ยังหาทางแก้ไม่ได้ แสดงว่ากลรูปนั้นมีความซับซ้อนเกินความสามารถของผู้เล่นในขณะนั้น จึงค่อยใช้วิธีสุดท้ายคือการดูเฉลย ซึ่งจะช่วยให้ทราบแนวและเทคนิคการเล่นเพิ่มมากขึ้น อันจะเป็นประโยชน์สำหรับการแก้กลที่มีลักษณะ ใกล้เคียงกันได้ ในครั้งต่อ ๆ ต่อไป

    2. อย่ายอมแพ้ง่าย ๆ หมากกลคือปริศนาที่ต้องหาทางแก้ แต่ละกลมีความยากง่ายแตกต่างกัน สำหรับกลที่ง่าย อาจใช้เวลาเพียงเล็กน้อย แต่กลที่ซับซ้อนต้องใช้เวลามาก และอาจหาทางแก้ไม่พบใน ขณะนั้น ลองวางรูปกลนั้นไว้ก่อน แล้วพักผ่อนให้สบาย จนรู้สึกสดชื่น และพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ แล้ว จึงค่อยนำกลที่ค้างอยู่มาพิจารณาใหม่ ในครั้งหลังนี้ อาจจะทำให้พบกับคำตอบได้อย่างง่ายดาย

    3. มองหาความคิดพื้นฐานในกลนั้นหลักการเดินที่สำคัญของหมากฮอสคือ การกินและการกัก ดังนั้น การเล่นปกติหรือการแก้หมากกล ก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐาน 2 ประการนี้ ในบางกลอาจมีหลายรูปแบบซ้อนกันอยู่ จำเป็นที่ผู้เล่นจะต้องมองให้ออก อย่าลืมว่าทุกกลจะมีกลแจไขทางออกอย่างน้อยที่สุด 1 ทางเสมอ อาจจะเป็นการเดินเพียงครั้งเดียว ก็นำไปสู่คำตอบได้ บางกลอาจมีความซับซ้อนแบบเขาวงกต ซึ่งจะต้องหาทางออกให้พบ

    4. มองหาหมากกลจากการเล่นปกติในการเล่นหมากฮอสเกือบทุกกระดาน จะมีหมากกลแฝงอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายกระดาน ถ้าฝึกจนเป็นความเคยชินแล้ว จะเกิดประโยชน์มาก เพราะรูปกลเหล่านั้นจะมีส่วนสำคัญสำหรับการเล่นที่จะช่วยกรุยทางไปสู่ชัยชนะ
กลหมากฮอสปี 24





เฉลย
กรณีที่ 1 ไม่ชนะ
10-6,16-12,5-27, 12-3, 27-5, 3-12เสมอล้อเลียน

กรณีที่ 2 ชนะ
5-27, 15-19, 32-28, 16-12, 27-5, 20-24, 10-6, 2-8, 6-2 ชนะ
กลที่ 1 (สังข์ เพียรแนวนุ่ม)
ดำเดินก่อน เอาชนะ
เฉลย
กรณีที่ 1 ชนะ
7-2, 9-14, 2-20, 27-31, 30-25, 31-17, 20-31, 17-13, 25-22ชนะ

กรณีที่ 2 ชนะ
7-2, 9-13, 2-6, 10-14, 22-17(ตาอื่นไม่ชนะ), 13-22, 6-9 ชนะ
กลที่ 2 (สังข์ เพียรแนวนุ่ม)
ดำเดินก่อน เอาชนะ




เฉลย
31-27, 19-16, 2-6, 16-12, 27-20, 12-8, 10-14, 30-26, 6-9, 26-22, 20-16, 8-3, 16-26, 3-17, 9-14, 17-10, 26-7เสมอกัน
กลที่ 3 (ศุภกิตติ์)
ขาวเดินก่อน หาเสมอ




เฉลย
13-17, 25-21, 17-22, 24-20, 16-19, 21-17, 22-25, 17-14, 25-29, 14-10, 19-23, 10-6, 29-15, 6-1, 15-11, 1-19, 23-27, 19-16, 11-15, 16-30, 27-31, 20-16, 31-20, 16-12, 15-19, 30-16, 20-11ชนะ
กลที่ 4 (ศุภกิตติ์)
ขาวเดินก่อน เอาชนะ



เฉลย
1-15, 26-23, 15-22, 23-19, 22-31, 19-16, 31-26, 16-12, 26-19, 8-4, 19-1, 4-15, 1-19, 12-8, 19-30, 8-4, 30-12, 4-11, 7-16, 20-11, 12-3ชนะ
กลที่ 5 (ศุภกิตติ์)
ขาวเดินก่อน เอาชนะ



เฉลย
3-17 (3-21 ก็ชนะเหมือนกัน), 30-21, 17-22, 21-3, 22-13, 9-14, 13-22, 3-10, 11-8, 10-1, 22-13, 14-18, 8-3, 1-28, 13-31, 28-1, 3-14ชนะ
กลที่ 6 (ศุภกิตติ์)
ดำเดินก่อน เอาชนะ



เฉลย
กรณีที่ 1 ไม่ชนะ
10-6,16-12,5-27, 12-3, 27-5, 3-12เสมอล้อเลียน

กรณีที่ 2 ชนะ
5-27, 15-19, 32-28, 16-12, 27-5, 20-24, 10-6, 2-8, 6-2 ชนะ
กลที่ 1 (สังข์ เพียรแนวนุ่ม)
ดำเดินก่อน เอาชนะ
เฉลย
กรณีที่ 1 ชนะ
7-2, 9-14, 2-20, 27-31, 30-25, 31-17, 20-31, 17-13, 25-22ชนะ

กรณีที่ 2 ชนะ
7-2, 9-13, 2-6, 10-14, 22-17(ตาอื่นไม่ชนะ), 13-22, 6-9 ชนะ
กลที่ 2 (สังข์ เพียรแนวนุ่ม)
ดำเดินก่อน เอาชนะ

เฉลย
31-27, 19-16, 2-6, 16-12, 27-20, 12-8, 10-14, 30-26, 6-9, 26-22, 20-16, 8-3, 16-26, 3-17, 9-14, 17-10, 26-7เสมอกัน
กลที่ 3 (ศุภกิตติ์)
ขาวเดินก่อน หาเสมอ

เฉลย
13-17, 25-21, 17-22, 24-20, 16-19, 21-17, 22-25, 17-14, 25-29, 14-10, 19-23, 10-6, 29-15, 6-1, 15-11, 1-19, 23-27, 19-16, 11-15, 16-30, 27-31, 20-16, 31-20, 16-12, 15-19, 30-16, 20-11ชนะ
กลที่ 4 (ศุภกิตติ์)
ขาวเดินก่อน เอาชนะ

เฉลย
1-15, 26-23, 15-22, 23-19, 22-31, 19-16, 31-26, 16-12, 26-19, 8-4, 19-1, 4-15, 1-19, 12-8, 19-30, 8-4, 30-12, 4-11, 7-16, 20-11, 12-3ชนะ
กลที่ 5 (ศุภกิตติ์)
ขาวเดินก่อน เอาชนะ

เฉลย
3-17 (3-21 ก็ชนะเหมือนกัน), 30-21, 17-22, 21-3, 22-13, 9-14, 13-22, 3-10, 11-8, 10-1, 22-13, 14-18, 8-3, 1-28, 13-31, 28-1, 3-14ชนะ
กลที่ 6 (ศุภกิตติ์)
ดำเดินก่อน เอาชนะ




เฉลย
กรณีที่ 1 ไม่ชนะ
10-6,16-12,5-27, 12-3, 27-5, 3-12เสมอล้อเลียน

กรณีที่ 2 ชนะ
5-27, 15-19, 32-28, 16-12, 27-5, 20-24, 10-6, 2-8, 6-2 ชนะ
กลที่ 1 (สังข์ เพียรแนวนุ่ม)
ดำเดินก่อน เอาชนะ
เฉลย
กรณีที่ 1 ชนะ
7-2, 9-14, 2-20, 27-31, 30-25, 31-17, 20-31, 17-13, 25-22ชนะ

กรณีที่ 2 ชนะ
7-2, 9-13, 2-6, 10-14, 22-17(ตาอื่นไม่ชนะ), 13-22, 6-9 ชนะ
กลที่ 2 (สังข์ เพียรแนวนุ่ม)
ดำเดินก่อน เอาชนะ

เฉลย
31-27, 19-16, 2-6, 16-12, 27-20, 12-8, 10-14, 30-26, 6-9, 26-22, 20-16, 8-3, 16-26, 3-17, 9-14, 17-10, 26-7เสมอกัน
กลที่ 3 (ศุภกิตติ์)
ขาวเดินก่อน หาเสมอ

เฉลย
13-17, 25-21, 17-22, 24-20, 16-19, 21-17, 22-25, 17-14, 25-29, 14-10, 19-23, 10-6, 29-15, 6-1, 15-11, 1-19, 23-27, 19-16, 11-15, 16-30, 27-31, 20-16, 31-20, 16-12, 15-19, 30-16, 20-11ชนะ
กลที่ 4 (ศุภกิตติ์)
ขาวเดินก่อน เอาชนะ

เฉลย
1-15, 26-23, 15-22, 23-19, 22-31, 19-16, 31-26, 16-12, 26-19, 8-4, 19-1, 4-15, 1-19, 12-8, 19-30, 8-4, 30-12, 4-11, 7-16, 20-11, 12-3ชนะ
กลที่ 5 (ศุภกิตติ์)
ขาวเดินก่อน เอาชนะ

เฉลย
3-17 (3-21 ก็ชนะเหมือนกัน), 30-21, 17-22, 21-3, 22-13, 9-14, 13-22, 3-10, 11-8, 10-1, 22-13, 14-18, 8-3, 1-28, 13-31, 28-1, 3-14ชนะ
กลที่ 6 (ศุภกิตติ์)
ดำเดินก่อน เอาชนะ




เฉลย
30-26, 3-8, 26-23, 8-12, 23-19 ชนะ
รูปที่ 1
ดำเดินก่อน เอาชนะ



เฉลย
8-3, 22-26, 30-25, 23-27, 3-17, 27-31, 17-13 เสมอกัน
รูปที่ 2
ดำเดินก่อน หาเสมอ


เฉลย
6-1, 22-26, 1-28, 26-31, 28-32, 31-27, 30-25, 27-31, 32-18, 31-22 เสมอกัน
รูปที่ 3
ดำเดินก่อน หาเสมอ


เฉลย
25-29, 8-3, 13-2, 16-12, 29-15 ชนะ
รูปที่ 4
ขาวเดินก่อน เอาชนะ


เฉลย
32-9, 28-32, 9-5, 32-28, 5-1 เสมอกัน
รูปที่ 5
ดำเดินก่อน หาเสมอ


 
เฉลย
22-31, 24-28, 31-24, 1-5, 24-1 ชนะ
รูปที่ 6
ดำเดินก่อน เอาชนะ







29 กรกฎาคม 2553

สัมนาฟรี ล่าหุ้นห่านทองคำอย่างเซียน



เสาร์ที่ 7 สิงหาคม 2553
เวลา 13.30 - 15.30
สถานที่ ห้องสมุดมารวย เอสพลานาด รัชดา ชั้น 2

รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.tsi-thailand.org/images/stories/TSI2010/golden_goose.pdf


26 กรกฎาคม 2553

ทำไมยังเบียดเบียนตนเองอยู่ - หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ


ทำไมยังเบียดเบียนตนเองอยู่ - หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

คำสอนคำเตือนของหลวงปู่ที่ว่า "ให้หมั่นดูจิต รักษาจิต" นี้
มีความหมายที่เอาไปปรับใช้ได้ตั้งมากมาย
ไม่เพียงแต่ในแง่มุ่งความหลุดพ้นอย่างสิ้นเชิงเท่านั้น


ในชีวิตประจำวัน บ่อยครั้งทีเดียวที่เราคิดว่าเราระวังแต่ในเรื่องไม่เบียดผู้อื่น
แต่เรากลับเผลอเบียดเบียนตนเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเบียดเบียนด้วยความคิดความกังวลต่าง ๆ
ไม่เว้นแม้ในกิจกรรมบุญ เช่น นั่งลุ้นนั่งวิตกว่า
คนที่เราพาเขาเข้าวัดฟังธรรมจะรับธรรมะได้มากน้อยเพียงใด
หรือคิดวิตกไปในอนาคตว่าจะทำนั่นทำนี่ได้ทันเวลาไหม
คิดเปรียบเทียบกับใคร ๆ จนจิตเศร้าหมอง
คิดโกรธไม่พอใจการกระทำของคนอื่น
ปล่อยให้โทสะเผาใจเจ้าของอยู่เป็นเวลานาน ฯลฯ
สารพัดความคิดที่เราทำร้ายตัวเราเอง เรียกว่าเบียดเบียนตัวเราเองโดยแท้


ครูบาอาจารย์ท่านสอนว่าคิดน่ะคิดได้ แต่ต้องคิดด้วยความรู้คือด้วยปัญญา
คิดด้วยใจที่เป็นกลาง ๆ มิใช่คิดด้วยความหลง
คิดไปวิตกไป แบกความคิด แบกอารมณ์ไว้จนหนักเสียยิ่งกว่าแบกอิฐแบกปูน


ทีนี้ เมื่อนึกถึงคำหลวงปู่ที่ว่า "ให้หมั่นดูจิต รักษาจิต"
เราก็จะได้หมั่นเตือนตนเองว่า
เราจะไม่เบียดเบียนตนเองให้ทุกข์เพราะความคิดความกังวล
เราจะปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า ละชั่ว ทำดี
แล้วก็ที่สำคัญที่สุดคือ ทำใจให้ผ่องแผ้ว เผลอไปก็เอาใหม่ ๆ ๆ
หลวงปู่ท่านให้กำลังใจเสมอว่า "ล้มแล้วก็ให้ลุก ล้มไปก็ตั้งขึ้นใหม่"


นิพพานอันเป็นที่ดับ ทุกข์สิ้นเชิงจะเป็นอย่างไร เราไม่รู้
แต่ขอเราสัมผัสนิพพานน้อย ๆ คือความที่ไม่ต้องแบกอารมณ์ใด ๆ ไม่มีเรื่องคาใจ
ลิ้มรสความสงบเย็นในหัวใจนี้เรื่อยไป
ก็นับว่าคุ้มค่าที่ได้ทันและนำคำสอนของครูบาอาจารย์มาปฏิบัติ

from http://variety.teenee.com/saladharm/28220.html


การขอโทษและการให้อภัย - ว.วชิรเมธี

การขอโทษและการให้อภัย - ว.วชิรเมธี

การรู้จักขอโทษนั้นเป็นมารยาทอันดีงามสำหรับตัวผู้ทำเอง และเป็นการช่วยระงับหรือช่วยแก้โทสะของผู้ถูกกระทบกระทั่งให้เรียบร้อยด้วยดีในทางหนึ่ง หรือจะกล่าวว่าการขอโทษคือการพยายามป้องกันมิให้มีการผูกเวรกันก็ไม่ผิด

เพราะเมื่อผู้หนึ่งทำผิด อีกผู้หนึ่งเกิดโทสะเพราะถือความผิดนั้นเป็นความล่วงเกินกระทบกระทั่งถึงตน แม้ไม่อาจแก้โทสะนั้นได้ ความผูกโกรธหรือความผูกเวรก็ย่อมมีขึ้น ถ้าแก้โทสะนั้นได้ก็เท่ากับแก้ความผูกโกรธหรือผูกเวรได้ เป็นการสร้างอภัยทานขึ้นแทน อภัยทานก็คือการยกโทษให้ คือการไม่ถือความผิดหรือการล่วงเกินกระทบกระทั่งว่าเป็นโทษ

อันอภัยทานนี้เป็นคุณแก่ผู้ให้ ยิ่งกว่าแก่ผู้รับ

เช่นเดียวกับทานทั้งหลายเหมือนกัน
คืออภัยทานหรือการให้อภัยนี้ เมื่อเกิดขึ้นในใจผู้ใด
จะยังจิตใจของผู้นั้นให้ผ่องใสพ้นจากการกลุ้มรุมบดบังของโทสะ

โกรธแล้วหายโกรธเอง กับโกรธแล้วหายโกรธเพราะให้อภัย ไม่เหมือนกัน

โกรธแล้วหายโกรธเองเป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด แต่โกรธแล้วหายโกรธเพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหารจิตโดยตรง จะเป็นการยกระดับของจิตให้สูงขึ้น ดีขึ้น มีค่าขึ้น

ผู้ดูแลเห็นความสำคัญของจิต จึงควรมีสติทำความเพียรอบรมจิตให้คุ้นเคยต่อการให้อภัยไว้เสมอ เมื่อเกิดโทสะขึ้นในผู้ใดเพราะการปฏิบัติล้วงล้ำก้ำเกินเพียงใดก็ตาม พยายามมีสติพิจารณาหาทางให้อภัยทานเกิดขึ้นในใจให้ได้ ก่อนที่ความโกรธจะดับไปเสียเองก่อน

ทำได้เช่นนี้จะเป็นคุณแก่ตนเองมากมายนัก ไม่เพียงแต่จะทำให้มีโทสะลดน้อยลงเท่านั้น และเมื่อปล่อยให้ความโกรธดับไปเอง ก็มักหาดับไปหมดสิ้นไม่ เถ้าถ่านคือความผูกโกรธมักจะยังเหลืออยู่ และอาจกระพือความโกรธขึ้นอีกในจิตใจได้ในโอกาสต่อไป

ผู้อบรมจิตให้คุ้นเคยอยู่เสมอกับการให้อภัย
แม้จะไม่ได้รับการขอขมา ก็ย่อมอภัยให้ได้

ในทางตรงกันข้าม ผู้ไม่เคยอบรมจิตใจให้คุ้นเคยกับการให้อภัยเลย โกรธแล้วก็ให้หายเอง แม้ได้รับการขอขมาโทษ ก็อาจจะไม่อภัยให้ได้ เป็นเรื่องของการไม่ฝึกใจให้เคยชิน

อันใจนั้นฝึกได้ ไม่ใช่ฝึกไม่ได้ ฝึกอย่างไดก็จะเป็นอย่างนั้น ฝึกให้ดีก็จะดี ฝึกให้ร้ายก็จะร้าย...

from http://variety.teenee.com/saladharm/28219.html


แปรงสีฟันแหล่งแพร่เชื้อโรค


แปรงสีฟันแหล่งแพร่เชื้อโรค

หากบอกว่าแปรงสีฟันเป็นอุปกรณ์ที่สะอาด และเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคน้อยที่สุด ทันตแพทย์ส่วนใหญ่คงจะไม่เห็นด้วย แบคทีเรียสามารถเติบโตในแปรงสีฟัน ซึ่งมีแหล่งอาหารและน้ำที่เพียงพอสำหรับการเติบโต แถมยังตั้งอยู่ในห้องที่มีเชื้อโรคมากที่สุด นั่นคือห้องน้ำ อีกต่างหาก

นักวิจัยพบว่า แบคทีเรียสเต็ปโตคอคคัส สเต็ปฟีโลคอคคัส อินฟลูซ่า และเฮิร์ปซิมเพล็กซ์ 1 รวมทั้งเชื้อโรคอื่นๆ สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในแปรงสีฟัน แม้ทันตแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้เปลี่ยนแปรงสีฟันอย่างน้อยทุกๆ 3-4 เดือน แต่จุลชีพเล็กๆ นี้ สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่านั้น โดยแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อโรค สามารถแพร่จากแปรงสีฟันอันหนึ่งไปสู่อีกอันหนึ่งได้ง่าย และการใช้แปรงสีฟันร่วมกับคนอื่นก็ทำให้เกิดการติดเชื้อระหว่างผู้ใช้ได้

อย่างไรก็ตาม เพราะแบคทีเรียนั้นชอบเติบโตในที่ที่อบอุ่น มืด และชื้น ดังนั้น ทันตแพทย์จึงแนะนำให้วางแปรงสีฟันไว้ใกล้หน้าต่างห้องน้ำ

"การใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า ทำให้เชื้อโรคทำลายเหงือกของเราได้มากขึ้น ดังนั้นการใช้แปรงสีฟันแบบปกติที่มีขนาดเล็ก หัวแปรงสะอาด และเปลี่ยนทุกๆ 2 สัปดาห์ จะดีกว่า" ดร.อาร์ ทอม กลาส แห่งมหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา กล่าว

"ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันเมื่อคุณป่วย เพราะคนจำนวนมากป่วยเพราะใช้แปรงสีฟันเก่า แปรงสีฟันเป็นแหล่งเพาะพันธ์เชื้อโรคที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ดังนั้น ควรเปลี่ยนแปลงให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้"

from http://variety.teenee.com/foodforbrain/28218.html


บทความยอดนิยม (ล่าสุด)

บทความยอดนิยม (All Time)