31 พฤษภาคม 2558

DollarCost Averaging Calculator

แนะนำโปรแกรมคำนวณผลจากการทำ DCA (Dollar Cost Averaging) ครับ


วิธีใช้งาน
  1. เข้าไปที่ http://www.buyupside.com/calculators/dollarcostave.php
  2. กรอกข้อมูลต่างๆ ดังนี้
  3. save image
    • Quote Symbol: ชื่อ symbol ที่ต้องการคำนวณ อาจเป็นหุ้น หรือดัชนีก็ได้ ซึ่งสามารถค้นหา symbol ได้ที่ http://finance.yahoo.com ในตัวอย่างในภาพ คือ ดัชนี S&P500 (หุ้นไทยให้ใช้ชื่อตามด้วย .BK เช่นPTT.BKCPN.BK)
    • Initial Investment Amount: เงินลงทุนเริ่มต้น ใส่ 1,000 $
    • Recurring Investment Amount: เงินที่จะลงทุนเป็นประจำ สมมติจะลงทุนเดือนละ 1,000$ 
    • Recurring Investment Interval (Months): ลงทุนประจำ ทุกกี่เดือน ในที่นี้คือ ทุก 1 เดือน
    • หลังจากนั้นกดปุ่ม Calculate Result
  4. จากรูป จะสรุปได้ว่า เราลงทุนครั้งละ 1,000$ ไป 360 ครั้ง ทำไปเรื่อยๆ 360 เดือน เงินเราจะกลายเป็น 1,250,607.74$ ครับ (กำไรเกือบ 900,000$ เลย)
  5. การคำนวณผลตอบแทนต่อปีนั้น เราสามารถคำนวณได้โดยการใช้สูตร Rate ของ Microsoft Excel ตามภาพข้างล่างครับ (อ้างอิงจาก http://www.excelfunctions.net/Excel-Rate-Function.html) (ขอบคุณคุณ guhungry จาก thaivi.com ที่แนะนำวิธีการคำนวณ)
    • จากข้อมูลตัวอย่างข้างต้น เราสามารถทราบผลตอบแทนต่อปีได้ โดยการแทนค่า =RATE(360,1000,1000,-1250607.74)*12 ลงในโปรแกรม Microsoft Excel ซึ่งจะได้ผลตอบแทน7.09% ต่อปี
    • ค่าต่างๆ จากสูตรมาจาก
      • nper = 360 มาจาก เราลงทุนทุกเดือนเป็นเวลา 30 ปี = 360 เดือน
      • pmt = 1000 มาจาก แต่ละเดือน เราลงทุน 1,000$
      • pv = 1000 มาจาก เงินลงทุนตอนแรก 1,000$ (ถ้าไม่มีเงินลงทุนตอนแรก ให้ใส่ 0)
      • fv = มูลค่าเงินตอนสุดท้าย = 1,250,607.74$ (ให้ใส่เครื่องหมายลบด้วย)
      • ที่ต้อง x 12 เพราะ ค่าที่ได้จาก RATE function เป็นผลตอบแทนรายเดือน ดังนั้นถ้าอยากทราบรายปี ต้อง x 12

ผลตอบแทนย้อนหลังของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตลอด 40 ปี

ในโอกาสครบรอบ 40 ปี ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เราลองมาดูผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีย้อนหลังตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบันดู

จากสมการ (อ่านรายละเอียดวิธีการคำนวณได้ที่ http://piggyman007.blogspot.sg/2015/05/blog-post.html)

FV = PV x (1 + r) ^ t

FV: future value
PV: present value
r: annual return (%)
t: time (year) 


แทนค่า

FV: ดัชนีตลาด ณ ปัจจุบัน 1,526.74 จุด
PV: ดัชนี้ตลาดเริ่มต้น = 100 จุด
t: ระยะเวลา = 40 ปี

เราต้องการหาค่าผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี หรือ r

1,526.74 = 100 x (1 + r) ^ 40
r = 7.052%

ในแต่ละปีหุ้นแต่ละตัวให้อัตราเงินปันผลเฉลี่ยทั้งตลาดประมาณ 3%
ผลตอบแทนทั้งหมด = 7.052 + 3 = 10.052%

ซึ่งหมายความว่า ถ้า 40 ปีที่แล้ว ถ้าเราลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ (เช่นลงทุนใน index fund ซึ่งจะให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์)  สมมติลงทุน 100,000 บาท แล้วถือไว้ 40 ปี เงิน 100,000 บาทของเราจะเติบโตปีละ 10.052% และถ้าครบ 40 ปี จากเงินต้น 100,000 บาท จะกลายเป็น

FV = 100,000 x (1 + 10.052 / 100) ^ 40
FV = 4,612,300.34 บาท

มนุษย์เงินเดือน เริ่มจากศูนย์ ก็มีเงินล้านได้

เมื่อเรียนจบปริญญาตรี ชีวิตของคนส่วนใหญ่ก็จะเข้าสู่วิถีชีวิตของมนุษย์เงินเดือน หรือการทำงานประจำ เพื่อรับเงินเดือน

บางคนอาจจะโชคดี ที่ได้ทำงานที่บ้านเกิดตัวเอง ทำให้ไม่ต้องเสียเงินค่าเช่าบ้าน เช่าอพาร์ทเมนต์ ค่าข้าว

บางคนอาจจะได้รับรางวัลในการเรียนจบเป็นเงินก้อน ทองคำ เพชรพลอย หรือรถยนต์

แต่หลายๆ คนอาจจะมีแค่ใบปริญญา แค่ใบเดียว แล้วเดินทางจากบ้านเกิดตัวเองเข้ามาหางานทำที่กรุงเทพ ซึ่งมีเงินเดือนเริ่มต้นประมาณ 18,000 - 20,000 บาท และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ ค่าผ่อนคอนโด ค่าครองชีพที่สูง ค่าเดินทาง ทำให้การมีเงินล้านบาทแรก อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย

วันนี้ผมจะมานำเสนอเส้นทางการมีเงินล้าน สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่เริ่มต้นจากศูนย์

ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาหลักๆ ผมขอแนะนำสมการในการคำนวณหามูลค่าในอนาคต ดังนี้

FV = PV x (1 + r) ^ t

FV: future value
PV: present value
r: annual return (%)
t: time (year) 

จากสมการข้างต้น เราจะพบว่า มูลค่าของเงินในอนาคตจะขึ้นกับตัวแปร 3 ตัวได้แก่

  1. PV คือ มูลค่าของเงินในปัจจุบัน หรือเงินต้น จากสมการจะพบว่า ยิ่งเงินต้นมาก มูลค่าของเงินในอนาคตจะยิ่งมาก
  2. r คือ จำนวนผลตอบแทนต่อปี(%) ที่เราทำได้ จากสมการจะพบว่า ยิ่งผลตอบแทนมาก มูลค่าของเงินในอนาคตจะยิ่งมาก
  3. t คือ จำนวนเวลา(ปี) ที่เราลงทุน จากสมการจะพบว่า ยิ่งเราใช้เวลาลงทุนนาน มูลค่าของเงินในอนาคตจะยิ่งมาก



ตัวอย่างการทำสมการข้างต้นมาใช้งาน

ตัวอย่างที่ 1 นาย ก ฝากเงิน 1,000 บาท ที่ธนาคาร A ได้รับดอกเบี้ยปีละ 2% ณ สิ้นปีที่ 3 เงินของนาย ก จะเป็นเท่าไร?

จากสมการ 
FV = PV x (1 + r ) ^ t
FV = 1,000 x (1 + 2%) ^ 3
FV = 1,061.208 บาท


ตัวอย่างที่ 2 นาย ก นำเงิน 1,000 บาท ซึ้อหุ้น A สมมติได้กำไร(เงินปันผล + capital gain) ปีละ 10% ณ สิ้นปีที่ 3 เงินของนาย ก จะเป็นเท่าไร?

จากสมการ 
FV = PV x (1 + r ) ^ t
FV = 1,000 x (1 + 10%) ^ 3
FV = 1,331 บาท
จากตัวอย่างที่ 1 และ 2 จะพบว่า จำนวนเงินต้นเท่ากัน เวลาเท่ากัน แต่สามารถทำผลตอบแทนได้มากขึ้น จะทำให้มูลค่าเงินในอนาคตเพิ่มขึ้น



ตัวอย่างที่ 3 นาย ก ฝากเงิน 1,000 บาท ที่ธนาคาร A ได้รับดอกเบี้ยปีละ 2% ณ สิ้นปีที่ 5 เงินของนาย ก จะเป็นเท่าไร?

จากสมการ 
FV = PV x (1 + r ) ^ t
FV = 1,000 x (1 + 2%) ^ 5
FV = 1,104.081 บาท
จากตัวอย่างที่ 1 และ 3 จะพบว่า จำนวนเงินต้นเท่ากัน ผลตอบแทนเท่ากัน แต่ลงทุนนานขึ้น จะทำให้มูลค่าเงินในอนาคตเพิ่มขึ้น



แล้วถ้าเรานำเงิน 1,000 บาทเท่าเดิม มาลงทุนนาน 5 ปี และทำผลตอบแทนได้ 10% ต่อปี? มูลค่าเงินในอนาคตจะมากกว่าตัวอย่างที่ 2 หรือไม่? ลองดูตัวอย่างที่ 4 กันครับ

ตัวอย่างที่ 4 นาย ก ฝากเงิน 1,000 บาท ซึ้อหุ้น A สมมติได้กำไร(เงินปันผล + capital gain) ปีละ 10% ณ สิ้นปีที่ 5 เงินของนาย ก จะเป็นเท่าไร?

จากสมการ 
FV = PV x (1 + r ) ^ t
FV = 1,000 x (1 + 10%) ^ 5
FV = 1,610.51 บาท


เส้นทางการเริ่มต้นจากศูนย์ สู่ 1 ล้านบาทแรก

จากสมมติฐานต่อไปนี้
  1. เงินเดือนเริ่มต้น 18,000 บาทต่อเดือน
  2. เงินเดือนเพิ่มปีละ 5% (การปรับเงินเดือน)
  3. สามารถออมเงินได้เดือนละ 15% ของเงินเดือน (รวม provident fund, LTF, RMF ด้วย)
  4. สามารถทำผลตอบแทนได้ 10% ต่อปี

 

จากรูปข้างบน จะพบว่าเราสามารถมีเงินล้านได้ในปีที่ 12 ครับ  (จำนวนเงิน ณ สิ้นปีที่ 12 คือ 1.0151711 ล้านบาท) ซึ่งวิธีการได้ตัวเลขนี้มานั่น ผมใช้แค่สมการ FV = PV x (1 + r) ^ t สมการเดียวเท่านั้นครับ ซึ่งทุกคนสามารถนำไปลองคำนวณเอกได้โดยใช้โปรแกรม Microsoft Excel



ตัวอย่างการคำนวณ (จากรูปข้างบน) 

  • ปีที่ 0 มีเงินลงทุนต่อปี 32,400 บาท มาจาก เงินลงทุนต่อเดือน 2,700 x 12 ครับ 
  • fv saving ของปีที่ 0 หมายความว่า เงินลงทุนต่อปีของปีที่ 0 คือ 32,400 เมื่อผ่านไป 12 ปี จะมีมูลค่าเป็นกี่บาท ซึ่งคำนวณมาจาก FV = 32,400 x (1 + 10%) ^ 12 ครับ
  • ปีที่ 1 เงินลงทุนต่อปีเพิ่มเป็น 34,020 บาท มาจากสมมติฐานว่า มีการปรับเงินเดือนเพิ่มปีละ 5% ดังนั้นเงินเดือนจะเป็น 18,000 + 5% ได้ 18,900 และเราจะลงทุน 15% ต่อเดือนซึ่งก็คือ 18,900 x 15% ได้ 2,835 บาท หรือ ปีละ 34,020 บาท
  • fv saving ของปีที่ 1 คำนวณมาจาก FV = 34,020 x (1 + 10%) ^ 11 ครับ
  • ปีอื่นๆ ก็คำนวณคล้ายๆ กันครับ




ถ้าเราสามารถออมเงินได้มากขึ้น (ปีละ 25%) จำนวนปีที่จะมีเงินล้าน จะลดลงเหลือ 9 ปี ดังรูปด้านล่างครับ 

 



ในชีวิตจริงนั้น มนุษย์เงินเดือนนอกจากจะได้รับเงินเดือนแล้ว ปลายปียังมีเงินโบนัสประจำปีอีกด้วย ถ้าเราสามารถนำเงินโบนัสนั้นมาลงทุนด้วย จะทำให้เรามีเงินล้านได้เร็วขึ้นครับ

จากรูปด้านล่าง สมมติเราได้รับโบนัสปีละ 1 เดือนแล้วนำมาออมเพิ่ม และเราออมเงินเดือนละ 15% ของเงินเดือน เราจะใช้เวลาประมาณ 10 ปีในการได้เงินล้านบาท





และถ้าเรานำโบนัส ปีละ 1 เดือน และออมเงินเดือนละ 25% ของเงินเดือน ณ สิ้นปีที่ 8 เราจะมีเงิน 1.161 ล้านบาท

ลงทุนในกองทุนรวมให้ได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยมากกว่า 10% ต่อปี

การลงทุนนั้นมีหลากหลายทางเลือกมากครับ ไม่ว่าจะเป็นการฝากประจำ ซื้อตราสารหนี้ หุ้นกู้ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมต่างๆ หรือแม้แต่ลงทุนในหุ้นด้วยตนเอง  

บทความนี้ผมจะเสนอหลักการลงทุนในกองทุนรวมให้ได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยมากกว่า 10% ต่อปีครับ ซึ่งผลตอบแทนนั้นจะเป็นค่าเฉลี่ยครับ ซึ่งบางปีอาจจะได้มากกว่า 10% บางปีอาจจะได้น้อยกว่า 10% บางปีอาจจะติดลบ แต่โดยเฉลี่ยแล้ว น่าจะได้มากกว่า 10% ต่อปี โดยอ้างอิงจากผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนรวมหลายๆ ปี โดยจะเน้นการสแกนหากองทุนรวมที่มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่น่าสนใจครับ ซึ่งมีขั้นตอนต่อไปนี้ 


  1. ไปที่ http://tools.morningstarthailand.com/th/fundquickrank/default.aspx?Site=th&LanguageId=th-TH
  2. จากรูปด้านล้าง ให้เลือกประเภทสินทรัพย์เป็น Equity, กดปุ่ม ค้นหา, เลือกดูตามผลตอบแทนระยะยาว และเรียงตามผลการดำเนินการ 10 ปี ย้อนหลัง
  3. จะพบว่ามีกองทุนหลายกองมากที่มีผลการดำเนินการย้อนหลัง 10 ปี ให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยต่อปีเกิน 10% ซึ่งจากรูปด้านล่างจะพบว่า กองทุนเปิด บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว จะให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี สูงที่สุด (เฉลี่ย 16.50% ต่อปี) ซึ่งเราสามารถกดปุ่มที่แต่ละกองทุน เพื่อเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ครับ

บทความยอดนิยม (ล่าสุด)

บทความยอดนิยม (All Time)